วินโดว์ส 8 กับยอดขายพีซี

Part 1 หัวข้อข่าว : วินโดว์ส 8 กับยอดขายพีซี
Updated: 12 เม.ย 2556 เวลา 16:40:07 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
โดย ไพรัตน์ พงศ์พานิชย์ ht.oc.nohcitam|tariap#ht.oc.nohcitam|tariap

tec01120456p1.jpg

บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล ดาต้า คอร์ป. เริ่มต้นเก็บรวบรวมข้อมูลยอดขายของเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (พีซี) ครั้งแรกในปี 1994 ก่อนที่จะกลายเป็นหนึ่งในบริษัทผู้ให้บริการข้อมูลในแวดวงเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสารที่ได้รับการยอมรับกันทั่วโลกภายใต้ชื่อ "ไอดีซี"

ที่เกริ่นถึงไอดีซีอย่างนี้เพราะกำลังจะพูดถึงข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับยอดขายเครื่องคอมพิวเตอร์พีซีของไอดีซี ที่เพิ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา เป็นยอดขายสำหรับไตรมาสแรกของปีนี้ทั้งไตรมาส ที่ไอดีซีพบว่ายอดขายรวมทั่วโลกมีเพียงแค่ 76.3 ล้านเครื่อง ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2012 มากถึง 14 เปอร์เซ็นต์

ไอดีซีบอกว่า การหล่นฮวบลงครั้งนี้ถือเป็นสัดส่วนการลดลงมากที่สุดตั้งแต่บริษัทเคยเก็บข้อมูลเป็นต้นมา นั่นคือ พีซีขายได้น้อยที่สุดในรอบ 20 ปีนั่นเอง

สัดส่วนที่ลดลง 14 เปอร์เซ็นต์ ที่ว่านี้นอกจากจะสูงสุดในรอบ 2 ทศวรรษแล้วยังเป็นการลดลงที่มากกว่าการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ถึงเกือบเท่าตัว เพราะคาดกันว่ายอดขายพีซีน่าจะลดลงอยู่ที่ราวๆ 7.7 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แถมยังเป็นการลดลง 4 ไตรมาสต่อเนื่องกัน

ยอดขายพีซีลดลง ไม่ใช่ "เทรนด์" ใหม่ เป็นแนวโน้มเดิมๆ ที่เห็นกันมาชัดเจนตั้งแต่ปีที่แล้ว สาเหตุสำคัญที่ทีมวิเคราะห์ของไอดีซีชี้เอาไว้ก็คือ การที่ความนิยมใน "เน็ตบุ๊ก" ลดลงอย่างน่าใจหาย กลายเป็นเทคโนโลยีที่ล้าสมัยไปในทันทีทันควันเมื่อเทียบกับ "แท็บเล็ต" ในเวลาเดียวกัน ผู้ใช้เทคโนโลยีส่วนใหญ่ก็เจียดเงินไปซื้อ "สมาร์ทโฟน" แทนการซื้อพีซี เหตุผลอย่างหนึ่งเป็นเพราะสมาร์ทโฟนทำอะไรๆ ที่จำเป็นในการใช้เทคโนโลยีประจำวันได้ใกล้เคียงกับพีซีมากขึ้นทุกที ในขณะเดียวกันก็มีลูกเล่นอีกมากที่พีซีไม่มี

แต่เหตุผลต่อการที่ยอดขายพีซีลดลงมากเกินความคาดหมายที่น่าสนใจที่สุดของไอดีซี กลับเป็นเรื่องที่ว่า สาเหตุสำคัญส่วนหนึ่งมาจากการเปิดตัว "วินโดว์ส 8" ระบบปฏิบัติการใหม่ของไมโครซอฟท์เมื่อปีที่ผ่านมา

ไอดีซี ไม่ได้บอกว่า วินโดว์ส 8 ไม่ดี หรือมีปัญหาในการใช้งาน เพียงแต่บอกว่า ผู้ใช้ไม่ยอมใช้วินโดว์ส 8 เท่านั้นเอง

ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?

บ็อบ โอดอนเนล นักวิเคราะห์ของไอดีซี ให้เหตุผลแรกเอาไว้ว่า ผู้ใช้คอมพิวเตอร์ทุกวันนี้แยกออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มแรกนั้น ยอมรับและคุ้นเคยกับ "ทัชสกรีน" และการใช้คอมพิวเตอร์ในรูปแบบไร้เมาส์ ไร้คีย์บอร์ดแล้ว

คนกลุ่มนี้เชื่อว่า วินโดว์ส 8 จะเปล่งประสิทธิภาพได้สูงสุด ต้องเป็นทัชสกรีน แต่พอมองไปที่ "ราคา" ของเครื่องพีซีแบบเป็นทัชสกรีนและวินโดวส์ 8 กลับเป็นระดับราคาที่ "สูงเกินกว่าที่จะควักกระเป๋า" จ่ายได้ คนกลุ่มนี้มี 2 ทางเลือก หนึ่งคือ "รอ" ให้ราคาเครื่องถูกลง อีกก็คือ หันไปหาแอนดรอยด์ที่ถูกว่าเกินครึ่ง

อีกกลุ่ม เป็นผู้ใช้ที่อยากได้ "พีซี" ในรูปแบบเดิมๆ คือใช้งานผ่านเมาส์ คีย์บอร์ด แล้วก็ไม่ต้องทัชสกรีน ให้วุ่นวาย แต่ผู้ใช้กลุ่มนี้จะรู้สึก "อึดอัด" ไม่สบายอกสบายใจกับอินเทอร์เฟซใหม่ของ วินโดว์ส 8 ที่บอกถึงความใหม่ของระบบ แล้วก็เป็นทัชสกรีนที่ไม่คุ้นเคยและไม่ยอมรับ ไม่มีสตาร์ต เมนู แบบที่อยากได้ แล้วก็มีช่องๆ สีสันสดใส ทำหน้าที่แทนไอคอนของแอพพลิเคชั่น

ลงเอยด้วยการโบกมือลา กลับไปใช้ของเก่าตัวเดิมที่บ้านดีกว่า อีกเหมือนกัน ทั้งๆ ที่โดยข้อเท็จจริงแล้ว วินโดว์ส 8 ก็ใช้ได้ดีทั้งแบบทัชและแบบทั่วไปก็ตาม

เจย์ ฉู นักวิจัยอาวุโสของไอดีซี ดูจากแนวโน้มการต้อนรับ "วินโดว์ส 8" ของผู้ใช้แล้ว น่าจะหมายความว่า ยอดขายพีซีตลอดทั้งปีในปีนี้ คงลดลงอย่างต่อเนื่อง เหตุผลสำคัญเป็นเพราะ วินโดว์ส 8 ไม่ได้ไปทางใดทางหนึ่งเสียทีเดียว สร้างความรู้สึก "ไปไม่สุด" ในด้านใดด้านหนึ่งให้เกิดขึ้นกับผู้ใช้ เพราะคนที่รู้สึกว่าสูญเสียความรู้สึก "เดิมๆ" ไป ก็ไม่ได้รู้สึกว่า วินโดว์ส 8 ให้อะไรใหม่ๆ มากไปกว่า แอนดรอยด์ อาจจะน้อยกว่าด้วยซ้ำไป

ในเวลาเดียวกัน คงจำกันได้ว่า ผู้ใช้ระดับองค์กร ที่เคยทำให้ยอดขายพีซีถีบตัวสูงได้มากๆ กว่าจะยอมรับ วินโดว์ส 7 แล้วเปลี่ยนเครื่องมาใช้ในองค์กรได้ก็นานร่วมปี

เพิ่งเปลี่ยนไป คงไม่มีใครตัดสินใจเปลี่ยนมาใช้วินโดว์ส 8 ที่เป็นลูกผสมในตอนนี้กันง่ายๆ แน่นอน

ไอดีซีตั้งข้อสังเกตเอาไว้ว่า ปกติแล้ว วินโดว์ส ออกระบบปฏิบัติการใหม่มาที จะช่วยฉุดยอดขายพีซีขึ้นมาระดับหนึ่งจนกลายเป็นธรรมเนียม

แต่ไม่ใช่กับวินโดว์ส 8 ที่ส่งผลในทางตรงกันข้าม

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า บางทียุทธวิธี "กินรวบ" ที่คิดว่า "ฉลาดล้ำ" ก็กลายเป็นเรื่อง "เละ" ได้เหมือนกันครับ!

Parts 2 สรุปเนื้อหาข่าว

1. ตลาดพีซีมียอดขายลดลงเป็นประวัติการณ์ในรอบ 20 ปี โดยมียอดขายลดลงถึง 14% จากที่คาดการณ์ว่ายอดขายน่าจะลดลงเพียง 7.7% แถมยังเป็นการลดลงถึง 4 ไตรมาสด้วยกันในปี 2012
2. สาเหตุที่ลดลงมากส่วนหนึ่งมาจากระบบปฎิบัติการ Window 8 ระบบปฎิบัติการณ์ใหม่ของไมโครซอฟท์ เนื่องจากลูกค้าส่วนที่ชอบทัชสกรีนมองมาว่าราคายังสูงเกินไปเมื่อเทียบกับแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟน กับลูกค้าส่วนที่ยังชอบคีย์บอร์ดและเมาส์คือไม่ชอบทัชสกรีนเลยเนื่องจากไม่คุ้นเคยและไม่ยอมรับ ไม่มีสตาร์ต เมนู แบบที่อยากได้ แล้วก็มีช่องๆ สีสันสดใส ทำหน้าที่แทนไอคอนของแอพพลิเคชั่น

Parts 3 วิเคราะห์

1. การทีโปรแกรม "วินโดว์ 8" ของบริษัท ไมโครซอฟท์ ประสบความล้มเหลว ไม่ได้รับผลตอบรับจากผู้ใช้งานอาจมีสาเหตุมาจากการที่วินโดว์ 8 ออกแบบรองรับกับระบบทัชสกรีน จึงทำให้ต้นทุนสินค้าคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลหรือพีซีสูงขึ้น ทำให้ไม่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคซึ่งให้ความสนใจซื้อแทบเล็ตและสมาร์ทโฟนมากกว่า เพราะสามารถพกพาสะดวกและใช้งานง่ายซึ่งสามารถทดแทนพีซีได้และยังมีฟังชั่นที่พีซีทำไม่ได้

2. ผู้ผลิตหลายๆแบรนด์คาดหวังว่า Windows 8 จะเข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดได้ แต่เอาเข้าจริงๆ Windows 8 ก็ไม่ได้ช่วยให้โน้ตบุ๊ก PC ขายดีขึ้น สังเหตุได้จากอัตราการเติบโตของ Windows 8 ยังช้ากว่าที่ควรจะเป็นอยู่มาก อีกทั้ง user ยังสับสนกับ Windows 8 ทั้งหน้าตาและฟังค์ชั่นการใช้งานต่างๆทำให้ผู้ใช้เครื่องเก่ารวมถึงผู้ที่ซื้อเครื่องใหม่ยังเลือกที่จะใช้ Windows 7 หรือ XP กันอยู่ แม้ Microsoft จะมีมาตรการชักชวนต่างๆออกมาแต่ก็ยังไม่ช่วยอะไรได้มากนัก อีกทั้ง Windows RT ที่คาดหวังจะเข้ามาตีตลาด Tablet Android ก็เจ้งไม่เป็นท่าด้วยราคาเครื่องที่แพง และข้อจำกัดหลายๆอย่าง ทำให้ user เลือกซื้อ Windows 8 แบบจอทัชดีกว่า หรือไม่ถ้าเน้นราคาก็ไปซื้อ Tablet Android กันหมด

3. เนื่องจากนับวันจะมี Tablet เพิ่มขึ้นมามากเลยๆจากเดิม Tablet ราคาแพงและทำอะไรไม่ค่อยได้ แต่ปัจจุบันทั้งราคาที่ถูกลง และสเปกที่แรงขึ้นทำให้ทั้งทำงาน หรือเล่นเกมส์ได้ไม่แพ้โน้ตบุ๊คเครื่องนึง ไม่จะพิมพ์ไม่สะดวกเท่า แต่ก็แลกมาด้วยน้ำหนักที่เบากว่ามาก ทำให้หลายๆบ้านเลือกที่จะชลอการซื้อโน้ตบุ๊ก PC เครื่องใหม่ออกไปจากเดิมซื้อ 1-2 ปีเครื่องนึง ก็เป็น 3-4 ปีถึงจะซื้อใหม่ อีกจึงไม่น่าแปลกใจว่าคนจะเลือกซื้อ Tablet มากกว่าที่จะมาซื้อโน้ตบุ๊ก PC เครื่องใหม่

4. แม้หลายๆแบรนด์จะเน้นโน้ตบุ๊กจอสัมผัสกันมากขึ้น แต่ก็เพียงเปลี่ยนจากซื้อโน้ตบุ๊กธรรมดามาเป็นโน้ตบุ๊กจอทัชเท่านั้น ไม่ได้เปิดตลาดใหม่แต่อย่างใด เพราะสเปกโน้ตบุ๊คที่ไม่ได้แรงขึ้น หรือแปลกใหม่กว่าเดิม สำหรับผู้ที่ใช้ซีพียูอย่าง Core I Gen 1 & Gen 2 ก็ยังไม่คิดจะเปลี่ยนเครื่องใหม่เพราะ Gen 3 ก็ไม่ได้แรงกว่ากันเท่าไร และรอ Gen 4 (Haswell) มากกว่า

5. ด้วยปัญหาในหลายๆประเทสของสหภาพยุโรปทำให้ user กลัวเกิดวิกฤตเศรษกิจจนชะลอการซื้อ หรือเลือกซื้อในสิ่งที่มีราคาประหยัดมากกว่า เช่น Tablet หรือ Smartphone อย่างเดียว ซึ่งไม่ใช่แค่ในรุโรปแต่ได้ลามมายังอีกหลายๆประเทศ จนเกิดภาวะชลอการซื้อโน้ตบุ๊ก PC ใหม่

ที่มา : http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1365757907&grpid=03&catid=06&subcatid=0600

ผู้จัดทำ นายอภิวัฒน์ ฤทธิ์ไธสง Y34 รหัส 5510221035

Unless otherwise stated, the content of this page is licensed under Creative Commons Attribution-ShareAlike 3.0 License